ลักธินี้ ค่อนข้างจะแยกยากจากนักออกแบบนะครับ
เพราะเราต้องทำงานเพื่อนตอบสนองแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะการออกแบบ ป้าย โฆษณา ซึ้งล่วนแต่มีผลประโยชน์ของ
เกียวกับลักธินี้เข้ามาเป็นปัจจัยเสริมแทบทั้งสิ้น หากเราจะใส่จรรยาบรรณลงไปในชิ้นงาน คาดว่าอาจจะทำให้มีผลกระทบโดยตรงต่ออาชีพได้ แล้วเราจะทำอย่างไรละครับ ในเมื่อ การทำงานที่เกียวข่องกับการสือสารนั้น ล่วนแต่ เกียวกับการประชาสัมพันแบรน สิินค้าที่ฟุ่มเฟือย เช่น
โฆษณา น้ำหอมของซูปเปอร์สตาร์ ชื่อดัง หากเจ้าของแบนรได้มาจ้างคุณ ซึ้ง น้ำหอมก็คือ สินค้าฟุ่มเฟือยและ
ภาษีเกือบเท่าตัว คุณคิดอย่างไรละครับ ในเมือ มันคือภาพลบในทัศนคติของคุณ
และเรายังเห็นได้จากสินค้าที่อยู่ในสังคม ปัจจุบัน เกินกว่า 85% เป็นสินค้าฟุ้มเฟือย และ อยู่ในรูปแบบของลักธิบริโภคนิยม ซึ้ง ส่วนของสินค้าเหล่านี้คือตัวกระตุ้นเศรษกิจ และ เงินที่จะเข้ากระเป่าของนักออกแบบอย่างเราๆ ถ้าถามถึงข้อเสีย และข้อดี ลักธินี้ คือจุดบอดของศาสนาครับ แม้แต่พระสงฆ์องคเจ้า ยังมี มือถือ รุ่นใหม่ ในวัดทีชุดสเตอริโอ เสียงรอบทิศทาง LCD TV จอยักษ์ ฉายภาพได้อย่างโรงภาพยนต์ ซึ้งในขณะที่บ้านของผมเอง ยังไม่มีเลยครับ
ผลจึงคิดว่า ปัญหาของลักธินี้ค่อนข้างรุนแรง ต่อระบบสังคม สิ่งแวดล้อมและ ประเพณีของชาวไทยครับ
ยกตัวอย่างสินค้าจำพวกนี้เช่น น้ำอัดลม รถสปอท ลีมูซีน และมากมายครับ
การเข้ามาของลักธินี้ เป็นตัวบ่งบอกถึงความหายนะทางระบบสังคมอย่างแท้จริงครับโดยเฉพาะเมืองไทย
ที่ ศาสนา ได้สอนหลังธรรมเหล่านี้เอาไว้แทบทิ้งสิน การใช้ชีวิตสมภะ สันโดษ และ รู้จักระงับกิเลส แต่ฉไนย พระสงฆ์ ผู้เป็นตัวแทนและถ่ายทอดพระศาสนา กับกล่าวทำตัวดุจปถุชนทัวไป หรือว่าลักธินี้ กลายเป็นศาสนาเสียแล้วหรือ
ผมฝากให้คิดว่า ถ้าเราเป็นนักออกแบบ เราจะทำอย่างไร ช่วยโลกเราอย่างไร และ เราจะให้จริยธรรมกับการออกแบบอย่างไร ไม่ให้มีผลกระทบต่ออาชีพเรากันละครับ